
ใช้เงินอย่างฉลาด ด้วยเทคนิคการเลือกลงทุน กับกองทุน LTF
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการให้เงินที่มีอยู่พอกพูนมากยิ่งขึ้น และกำลังมองหาว่าการลงทุนอะไรจึงจะทำให้เงินของคุณงอกเงยขึ้นมาได้ โดยที่คุณไม่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนมากนัก และไม่มีเวลาที่จะไปศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในแต่ละประเภท กองทุน LTF ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ใช้เงินอย่างฉลาด เพราะนอกจากผู้ลงทุนไม่จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในการลงทุนแล้ว ยังเป็นการลงทุนที่ช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย ซึ่งหากใครมีความสนใจและอยากรู้จักกองทุน LTF ให้มากขึ้น เราก็มีความรู้เกี่ยวกับกองทุน LTF มาแนะนำกัน ดังต่อไปนี้
กองทุน LTF คืออะไร
กองทุน LTF ย่อมาจากชื่อในภาษาอังกฤษว่า Long Term Equity Fund ซึ่งมีความหมายว่า กองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากทางการให้จัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ลงทุนสถาบันหรือกองทุนรวมที่จะทำการลงทุนระยาวในตลาดหลักทรัพย์มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนผู้ลงทุนสถาบัน จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีการสร้างแรงจูงใจในการลงทุนให้กับผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาด้วยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
นโยบายในการลงทุนของกอง LTF
นโยบายของกองทุน LTF ก็คือการลงทุนในหุ้น ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหากผู้ลงทุนอยู่ในวัยทำงานจะเหมาะกับกองทุนประเภทที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งก็มีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงด้วยเช่นกัน วัยกลางคนจะเหมาะกับกองทุนที่ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง ส่วนวัยเกษียณเหมาะที่จะลงทุนกับกองทุนรวม LTF ที่กำหนดให้ลงทุนในหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 70 ที่เหลือนอกนั้นจะไปลงทุนในประเภทตราสารหนี้แทน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากลงทุนในหุ้น
กองทุน LTF มีเงื่อนไขในการลงทุนเป็นอย่างไร
เพื่อที่ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนกับกองทุน ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ผู้ลงทุนจะต้องซื้อและถือหน่วยลงทุนเอาไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้และมีสิทธิที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในเบื้องต้น และผู้ลงทุนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนติดต่อกันทุกปี
หากผู้ลงทุนขายคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดระยะเวลา 5 ปี ผู้ลงทุนจะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับการยกเว้นพร้อมทั้งเสียค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด และจะต้องเสียภาษีจากผลกำไรที่ได้จากการขายกองทุนด้วย ยกเว้นว่าผู้ลงทุนจะเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต นอกจากนี้แล้วผู้ลงทุนยังไม่สามารถที่จะโอนหรือจำนำหน่วยลงทุน หรือนำหน่วยลงทุนไปใช้เป็นหลักประกันได้
สิทธิประโยชน์ที่ผู้ลงทุนกับกองทุน LTF จะได้รับ
หากผู้ลงทุนทำตามเงื่อนไขของการลงทุนที่ได้กำหนดไว้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามนโยบายของกองทุนใน 2 รูปแบบด้วยกันคือ จะได้รับการลดหย่อนภาษีตอนที่ซื้อกองทุน และได้รับการลดหย่อนภาษีจากกำไรในตอนที่ขายคืนหน่วยลงทุน
1. การลดหย่อนภาษีตอนที่ซื้อกองทุน
เงินใช้ในการลงทุนกับกองทุน จะสามารถนำมาขอลดหย่อนภาษีได้ แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ได้รับ และไม่สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
2. การลดหย่อนภาษีจากกำไรในตอนที่ขายคืนหน่วยลงทุน
กำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนเมื่อครบ 5 ปีปฏิทิน หรือเมื่อตายหรือทุพลภาพจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
ใครเหมาะสมที่จะลงทุนกับกองทุน LTF
เนื่องจากกองทุน LTF ถือได้ว่าเป็นการลงทุน ที่มีความเสี่ยงสูง เพราะเงินที่รวบรวมได้จากผู้ลงทุนทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ลงทุนในหุ้น และเป็นการลงทุนในระยะยาวไม่น้อยกว่า 5 ปี ผู้ที่คิดจะลงทุนกับกอง LTF จึงควรที่จะเป็นผู้ที่มีความสนใจต่อการลงทุนในระยะยาว และอาจจะขาดความชำนาญหรือไม่มีประสบการณ์ในการลงทุน ไม่มีเวลาสำหรับการติดตามข่าวความคลื่นไหวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน อีกทั้งยังต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนได้
กองทุน LTF แตกต่างกันอย่างไรกับกองทุนรวมประเภทอื่น
กองทุน LTF เป็นกองทุนที่จะทำให้ผู้ลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากผู้ลงทุนทำตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ และผู้ลงทุนก็ไม่สามารถที่จะใช้หน่วยลงทุนที่ได้ซื้อไว้ไปใช้เป็นหลักประกัน และไม่สามารถนำไปจำนำหรือโอนให้ผู้อื่นได้ นอกจากนี้ทางกองทุนยังเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ 2 ครั้งต่อปี
กองทุน LTF ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งเงินทั้งหมดที่รวบรวมได้จากผู้ลงทุนจะถูกนำไปใช้ในการลงทุนในหุ้น กองทุน LTF จึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงในระดับสูง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากผู้ลงทุนต้องการที่จะประหยัดภาษี กองทุนนี้ก็คุ้มค่าที่จะลงทุน
แหล่งอ้างอิง : https://www.set.or.th/education/th/begin/mutualfund_content08.pdf
www.เกร็ดความรู้.net/ltf
https://money.sanook.com/79028
www.mfcfund.com/php/th/LTF.htm
https://k-expert.askkbank.com/…/Articles/Pages/Tax_A032.aspx
เครดิตภาพ : wellparttime.blogspot.com